ชื่อ Aventador นำมาจากชื่อของวัวกระทิง ที่ได้รับรางวัล Trofeo de la Pena La Madronera ในปี 1993 จากความดุดันในการเป็นนักสู้โดยสายเลือด ส่วนรหัส 700-4 คือจำนวนแรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั่นเอง
ส่วนจุดเด่นของ Aventador LP700-4 อยู่ที่น้ำหนักตัว ที่เบาเพียง 229.5 กิโลกรัม จากโครงสร้างโมโนค๊อก (Monocoque) คาร์บอนไฟเบอร์โพลิเมอร์ หรือ CFRP ประกอบด้วยอีพ๊อกซี่เพิ่มความแข็งแรง เสริมด้วยอะลูมิเนียมในบางจุดที่เชื่อมต่อกับซับเฟรมด้านหน้าและด้านหลัง
Aventador จะมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 สูบบล๊อคล่าสุด ความจุ 6.5 ลิตร ผลิตกำลังได้สูงถึง 700 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที แรงบิด 70.311 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. 209 วินาที ความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของเครื่องยนต์ 12 สูบ ต่อจาก Lamborghini Countach, Diabloและ Murcielago
การวิจัยโครงสร้างด้วยวัสดุคาร์บอนคอมโพสิตที่มีการทำงานร่วมกัน ระหว่างวิศวกรของบริษัทผลิตอากาศยานชั้นนำอย่าง Boeing ทำให้เทคโนโลยีห้องโดยสารแบบกล่องกับเฟรมตัวถัง รวมถึงโครงสร้างทั้งหมดที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ของ Aventador มีความก้าวล้ำกว่าสปอร์ตซุปเปอร์คาร์ที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ส่วนบนของตัวรถ เช่น หลังคาใช้กรรมวิธีการผลิตแบบ Preqreg เพื่อความแข็งแกร่ง ห้องโดยสารขึ้นรูปด้วยกรรมวิธี RTM-Lambo ด้วยการนำเอาแผ่นคาร์บอนเคฟล่าห์มาตัดแล้ววางลงในแม่พิมพ์ให้เป็นรูปร่างที่ ต้องการ โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์มีความแข็งแรงมากกว่าเหล็ก ช่วยปกป้องคนขับและผู้โดยสารหากเกิดการชนปะทะ ชิ้นส่วนโครงรถด้านหน้ายึดติดกับโครงสร้างด้วยอีพ็อกซี่ ส่วนที่เป็นโลหะในชุดโครงสร้างด้านหน้าถูกเชื่ิอมต่อจนเป็นชิ้นเดียวกัน แชสซีส์ขึ้นรูปแบบชิ้นเดียวทนทานต่อสภาวะแรงบิดที่กระทำต่อโครงสร้างของรถ รวมถึงการใช้โช๊คอัพวางแบบแนวนอนหรือ Post Rod Suspension เพื่อลดพื้นที่การวางตำแหน่งของระบบรองรับที่สามารถปรับค่าได้ถึง 3 ระดับ ใช้โช๊คอัพและสปริงของค่าย Ohlins
เครื่องยนต์ V12 6.5 ลิตร วางตำแหน่งเอาไว้ที่กลางลำตัว เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัตนาโดยนำข้อดีของเครื่องรุ่นเก่ามาปรับปรุง ให้ดีขึ้น ทั้งในย่านของกำลังแรงบิดกับขนาดที่กะทัดรัดมากขึ้น รวมถึงน้ำหนักของเครื่องรุ่นใหม่ตัวนี้ก็ยังลดลงถึงกว่า 18 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ของ Murcielago กระบอกสูบทั้ง 12 ตัว ในเครื่องยนต์ของ Aventador วางทำมุม 60 องศา และวางอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเครื่องตัวเก่า 70 มิลลิเมตร เพื่อลดค่า CG-Center Of Gravity มีรอบการหมุนสูงสุดที่ 8,250 รอบต่อนาที ให้กำลังสูงสุดที่ 690 แรงม้า และมีแรงบิดสูงกว่าเครื่องตัวเก่าของ Murcielago อยู่ถึง 32 ปอนด์-ฟุต (509 ปอนด์-ฟุต) อัตราเร่ง 0-100 ใน 2.9 วินาที ทำงานโดยส่งถ่ายแรงบิดทั้งหมดไปยังชุดเกียร์ 7 สปีดรุ่นใหม่ บนการกระดิกแป้นแพดเดิลหลังพวงมาลัย การไม่เลือกใช้เกียร์แบบทวินคลัตช์ ช่วยให้น้ำหนักและขนาดของเกียร์ทั้งลูกลด ลงรวมถึงตำแหน่งของการวางที่เกียร์ทั้งลูกจะอยู่ด้านหน้าเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สามารถเลือกใช้เกียร์แบบคลัตช์คู่ได้ แต่ระบบ ISR หรือ ISR-Indepdent Shiffing Rod ได้เข้ามาทดแทนสมรรถนะของเกียร์ทวินคลัตช์อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ การใช้ Shift Rod คนละตัวสลับการทำงานในเกียร์ถัดไป ทำให้เกียร์สามารถเริ่มต้นการทำงานในขณะที่เกียร์ก่อนหน้ากำลังจากออกมาจาก ชุดเฟือง ลดเวลาการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ลงอีก 50 ms เร็วกว่าระบบ E-Gear ของรถ Gallardo ประมาณ 40%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น